Post Views: 9, 882 ความเดิมจากตอนที่แล้ว… ความรู้สู่ปฏิบัติการ เริ่มฝึกเชื่อมไฟฟ้า ในตอนที่ผ่านมา เราได้คุยกันถึงเรื่อง เริ่มฝึกเชื่อมไฟฟ้าให้ผู้ที่ต้องการจะยึดอาชีพช่างเชื่อมที่ได้มาตรฐานตามรูปแบบของเยอรมัน โดยเราเริ่มจากการเชื่อมพอกซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แบบฝึก แล้วตามด้วยการเชื่อมเข้ามุมเป็นแบบฝึกที่ 2 ฉบับนี้เราจะคุยกันต่ออีก 3 แบบฝึก โดยเริ่มจากการฝึกเชื่อมแนวตั้ง Know How to Action! Practical Electric Welding 2! ความรู้สู่ปฏิบัติการ เริ่มฝึกเชื่อมไฟฟ้า 2 3.
การฝึกเชื่อมมุมนอก แผ่นชิ้นงานฝึกหนา 10 มม. กว้าง × ยาว ประมาณ 50 × 200 มม. จะถูกจัดยึดติดกันเป็นมุมฉาก ห่างกันประมาณ 2-3 มม. ดัง รูปที่ 19 โดยใช้เหล็กฉากช่วยในการปฏิบัติงาน จากนั้นหมุนชิ้นงานให้อยู่ในท่าเชื่อมแล้วทำการฝึกเชื่อมด้วยลวดเชื่อมขนาด ø≈4 มม. ตั้งไฟประมาณ 160 A โดยเชื่อมเป็นสองขั้นตอน ก) เชื่อมยึดด้วยการเอียงลวดเชื่อมดัง รูปที่ 20 โดยเชื่อมตะเข็บ c" ก่อน แล้วหันมาเชื่อมตะเข็บ d" ด้วยการส่ายลวดเชื่อมดังรูป ดูให้น้ำเหล็กทะลุรอยต่อแผ่นเหล็กสม่ำเสมอเป็นรอยเชื่อมที่สวยงามแข็งแรงรอยเชื่อมต่อต้องไม่เป็นโพรงจากสแลคที่ทำความสะอาดไม่เรียบร้อย รูปที่ 20: การฝึกเชื่อมยึดมุมนอกชิ้นงานแนวราบ ข) เชื่อมปิดแนว ดัง รูปที่ 2 1 โดยเชื่อมยาวสร้างตะเข็บจากซ้ายไปขวา หากจำเป็นให้เชื่อมรอบที่ 3 อีกชั้นหนึ่งจนได้รอยต่อ ดังรูปที่ 21 รูปที่ 21: การเชื่อมปิดนอกมุมฉากแนวราบ รูปที่ 22: การเตรียมยึดชิ้นงาน 5. การฝึกเชื่อมมุมนอกแนวระนาบ ใช้ลวดเชื่อมขนาด ø≈4 มม. ตั้งไฟประมาณ 160 A ตัดแผ่นเหล็กชิ้นงานขนาดประมาณ 10×50 × 200 มม. เชื่อยึดเป็นฉาก 90° ให้มีร่องห่างกันประมาณ 2-3 มม. ดัง รูปที่ 22 แล้วจับงานคว่ำให้อยู่ในท่าดัง รูปที่ 23 และทำการฝึกโดยแยกเป็น 3 ขั้นตอน คือ ก) เชื่อมยึดแนวเชื่อม c จากหัว b ขวามือมาทางซ้ายจนรู้สึกว่าเปลวไฟอาร์กตีกลับ จากนั้นเริ่มเชื่อมจากหัว a ซ้ายมือไปทางขวาจนแนวเชื่อมชนกัน เชื่อมให้ทะลุเกิดตะเข็บสม่ำเสมอด้านใต้ เพื่อไม่ให้ช่องห่างระหว่างแผ่นเหล็กทะลุมากเกินไป ผู้เชื่อมต้องส่ายปลายลวดเชื่อมกระตุ้น แต่หากตะเข็บด้านใต้ทะลุน้อยไป เช่น ประมาณเพียง 1 มม.
การสร้างบ้าน ในขั้นตอนการ ทำโครงหลังคาบ้าน โดยการใช้เหล็กตัวซีหรือเหล็กกล่อง ก็คงมีหลายท่านอยากรู้ขั้นตอน การติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก ก่อนทำการมุงหลังคาบ้าน ว่าจะเริ่มติดตั้งอย่างไรหรือมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ซึ่งจริงๆแล้วผมเคยได้เคยเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วครับ แต่วันนี้ผมก็อยากจะเขียนเพิ่มเติมอีกซักบทความครับ เพื่อท่านที่สนใจจะได้เข้าใจยิ่งขึ้น ขั้นตอนการ ทำโครงหลังคาบ้าน ดูตามรูปประกอบนะครับ (ผมจะอธิบายตามรูป) 1. สำหรับขั้นตอนแรกสุดก็คือ การติดตั้ง Plate หรือแผ่นเหล็กรองหัวเสา โดยการเชื่อมติดกับเหล็กแกนเสา แล้วเทคอนกรีตหล่อให้เต็มจนถึงเหล็ก Plate 2. วางเหล็กอะเสบนหัวเสา (ลูกศรสีน้ำเงิน) (ดูรูปประกอบนะครับ) ต้องวางอะเสก่อนครับ สาเหตุก็เพราะว่า เหล็กโครงหลังคา ส่วนที่เหล็อ ที่จะติดตั้งในลำดับถัดมา ก็จะติดตั้งอยู่บนอะเสทั้งหมด ซึ่งการวางเหล็กอะเสนั้นก็แล้วแต่การออกแบบ ว่าจะมีระดับความสูงเท่าไหร่ และใส่ตรงไหนบ้าง เป็นต้น อย่างในรูปก็จะวางบนหัวเสาโดยรอบบ้าน แล้วก็มีตัวที่ซอยอยู่ตรงกลางบ้าน เพื่อเป็นฐานรองรับดั้งที่จะตั้งขึ้นไปรับอกไก่ 3. เมื่อวางเหล็กอะเสเสร็จแล้ว ก็ตั้งดั้งขึ้นไปเลยครับ (ลูกศรสีแดง) (ลักษณะของดั้งก็คือ จะเป็นเหล็กตั้งอยู่เหมือนเสา(จะเป็นเหล็กตัวซีเดี่ยวหรือเหล็กซีประกบก็แล้วแต่การออกแบบ หรือการรับน้ำหนัก) ตั้งขึ้นไปจากอะเสครับ 4.
งานโครงสร้างชั้นสอง โครงหลังคา และโครงสร้างงานระบบสุขาภิบาล งานโครงสร้างชั้นสองก็ทำเช่นเดียวกับโครงสร้างชั้นล่าง ทั้งเสา คาน อเส (คานหลังคา) และอาจมีงานหล่อชิ้นส่วนตกแต่ง เช่น บัว กันสาด ขอบปูน ซึ่งโครงสร้างแต่ละส่วนจะต้องใช้ระยะเวลาบ่มคอนกรีตเช่นเดียวกับโครงสร้างชั้นล่าง นอกจากนี้จะเริ่มขึ้น โครงหลังคา ซึ่งมีหลายประเภท เช่น โครงหลังคาเหล็ก หรือโครงหลังคาสำเร็จรูป เป็นต้น ในส่วนของงานระบบประปาและสุขาภิบาลทั้งถังเก็บน้ำใต้ดิน ท่อน้ำทิ้ง และถังบำบัดจะถูกติดตั้งในช่วงนี้โดยสมบูรณ์เพื่อเตรียมการเดินท่อเข้าภายในบ้าน ภาพ: ติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก 6. งานมุงหลังคา และโครงสร้างบันได เมื่องานโครงสร้างหลักเสร็จเรียบร้อย จะเริ่มติดตั้งวัสดุมุงหลังคาเพื่อให้ภายในบ้านมีร่มเงาและลดอุปสรรคจากลมฟ้าอากาศในการทำงาน ในช่วงนี้จะเริ่มหล่อโครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือติดตั้งบันไดเหล็กตามที่แบบระบุ นอกจากนี้อาจเก็บงานโครงสร้างในส่วนอื่นๆ ให้พร้อมก่อนเริ่มงานก่อผนังและติดตั้งวัสดุปิดผิว ภาพ: (บน) มุงหลังคากันแดดและฝน (ล่าง) ติดตั้งบันไดโครงสร้างเหล็ก 7. งานก่อผนัง ติดตั้งวงกบไม้ประตู-หน้าต่าง และงานระบบไฟฟ้า-ประปา เมื่อมุงหลังคาเรียบร้อย จะเข้าสู่ขั้นตอนการก่อผนังและหล่อ เสาเอ็น – คานเอ็น ในขั้นตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับบ้านแต่ละหลังว่าเลือกใช้ผนังบ้านแบบใด เช่น ผนังก่ออิฐ หรือผนังเบา ซึ่งในช่วงนี้จะเดินท่องานระบบต่างๆ ที่ฝังในผนังไปด้วย ทั้งระบบไฟฟ้าและประปา รวมถึงติดตั้ง วงกบ ไม้ประตูหน้าต่างตามตำแหน่งที่ระบุตามแบบ ภาพ: การก่อผนัง หล่อเสาเอ็น-คานเอ็น และฝังท่อไฟฟ้า-ประปาในผนัง 8.
ดัง รูปที่ 33 เพื่อไม่ให้สแลคเหลวไหลคลุมอยู่ที่ปลายลวดเชื่อมแล้วไหลน้ำรอยเชื่อมออกไปก่อน ค) ฝึกเชื่อมพอกเข้ามุมด้วยลวดเชื่อมชนิดฟลักซ์หนาปานกลาง เป็นแบบฝึกเรียนรู้พิเศษ ซึ่งผู้ฝึกเชื่อมจะรู้จักความแตกต่างของพฤติกรรมเปลวอาร์ก การฝึกเริ่มด้วยการเชื่อมยึดเหล็กเป็นรูปตัวทีคว่ำ ที่จุด a และ b ด้วยลวดเชื่อมขนาด ø3. ตั้งไฟฟ้าประมาณ 45-50 A/มม. ø จากนั้นเชื่อมตะเข็บ c จากขวาไปซ้าย เคาะสแลคออกและขัดทำความสะอาดด้วยแปรงลวดให้เรียบร้อย แล้วเชื่อมตะเข็บ d โดยลากยาวจาก a จนตะเข็บ d ต่อกับ c ผู้ฝึกจะได้ความรู้สึกว่าน้ำโลหะไหลหน่วงกว่าการเชื่อมด้วยลวดเชื่อมฟลักซ์หนาในแบบฝึกที่ผ่านมา การเชื่อมพอกตะเข็บ ใช้ลวดเชื่อมขนาดø4 มม. ตั้งไฟ ประมาณ 45-50 A/มม.
เตรียมพื้นที่ เมื่อมี แบบก่อสร้างบ้าน และทำสัญญากับผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว ทางผู้รับเหมาจะเริ่มเข้าหน้างานเตรียมพื้นที่ กำหนดจุดวางและขนย้ายเครื่องมืออุปกรณ์ อาจมีสถานที่พักสำหรับคนงาน (ในกรณีที่คนงานพักในพื้นที่) หากมีบ้านเดิมจะต้องรื้อถอนออกก่อน หรือหากเป็นที่ดินเปล่าจะมีการขอน้ำและไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับใช้งาน สำหรับงาน เตรียมพื้นที่ จะครอบคลุมอยู่หลายเรื่อง ตั้งแต่ระดับพื้นบ้านที่ต้องพิจารณา อาจต้อง ถมที่ดินเพื่อปรับระดับ ให้เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปจะถมให้สูงกว่าระดับถนน 50-80 ซม. และควรสูงกว่าท่อระบายน้ำสาธารณะ ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการถมดินอยู่ในช่วงหน้าแล้ง (ช่วงเดือนธันวาคม – พฤษภาคม) เพราะสามารถทำงานได้สะดวก ได้ดินที่แน่นและมีคุณภาพ เพราะหากถมในช่วงหน้าฝนอาจเกิดเหตุการณ์ดินไหลได้ ภาพ: การปรับระดับดินก่อนลงเสาเข็ม 2. งานวางผังอาคาร เมื่อเตรียมพื้นที่เรียบร้อย จะเริ่มวางผังแนวอาคารซึ่งเป็นการกำหนดตำแหน่งของเสาเข็มโดยอ้างอิงจากแบบ เพื่อให้ทุกฝ่ายทั้งเจ้าของบ้าน ผู้ออกแบบ วิศวกร บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทรับเหมางานเสาเข็มมีความเข้าใจที่ตรงกัน ในขั้นตอนนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับระยะต่างๆ ให้เหมาะสมได้เนื่องจากอาจพบอุปสรรคที่หน้างาน เช่น แนวต้นไม้ใหญ่ แนวเสาเข็มโครงสร้างอาคารเดิม หรือตำแหน่งอาคารข้างเคียงที่มีผลต่อพื้นที่ใช้สอยอาคาร เป็นต้น โดยผู้รับเหมาจะนำเสนอแนวทางแก้ไขให้ผู้ออกแบบเซ็นชื่อรับรอง เพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไป ภาพ: ตรวจแบบก่อสร้างเพื่อเตรียมวางผังอาคาร (กำหนดจุดลงเสาเข็ม) 3.
3 * Fu * D/sqrt(2) * L โดยที่ D เป็นค่า weld leg size … อย่าลืมนะครับว่า ค่า Rweld นี้ เรานำไปพิจารณากับ shear force ที่ service load level แต่หากพิจารณา ตามมาตรฐาน LRFD เราจะได้ว่า welding factored resistance มีค่าเท่ากับ 0. 75 * Rn สำหรับรอยเชื่อมที่รับแรงเฉือน และ มีค่าเท่ากับ 0. 80 * Rn สำหรับรอยเชื่อมที่รับแรงดึง (เช่น ต่อ plate ด้วย butt joint เพื่อรับแรงดึง ทั้งนี้ 0. 75 และ 0. 8 เป็นค่า resistance factor ดังที่ระบุใน มาตรฐานการออกแบบ … อย่าลืมนะครับว่า resistance factor * Rn จะนำไปพิจารณาเทียบกับ factor load ซึ่งตามมาตรฐานแล้ว ก็มี load combination หลาย case ต้องมาพิจารณา ซึ่ง case ทั่วไปก็ใช้ 1. 2 * DL + 1. 6 * LL หากท่านมองดี ๆ ก็จะเห็นความสัมพันธ์ระหว่าง Factor of Safety = 2 และ Resistance Factor = 0. 75 กล่าวคือ หากนำ 1. 5 ไปหารด้วย 0. 75 จะได้ค่า เท่ากับ 2 หรือ จะได้ความสัมพันธ์ ว่า Load factor [= 1. 5] = Resistance factor [= 0. 75] * Factor of safety [= 2. 0] … FS = RF/LF ถ้าเข้าใจตรงนี้ จะทำให้ความเข้าใจในการปรับมุมมองการคำนวณ ระหว่าง ASD และ LRFD ได้สบายเลยครับ ***หมายเหตุนิดครับ ในอเมริกา text หลาย ๆ เล่มจะมี "ตัวเลขมหัศจรรย์" เท่ากับ 0.