ลดอาการโรคเบาหวาน น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลภายในร่างกาย มีสรรพคุณช่วยต้านทานน้ำตาล หรือสารให้ความหวานต่างๆ รวมถึงช่วยป้องกันอาการไขมันในเลือดสูง อีกทั้งทำให้ลดความเสี่ยงของการโรคเบาหวานกำเริบ หรือโรคแทรกซ้อนได้เป็นอย่างดี 3. ช่วยลดน้ำหนัก ไขมันไตรกลีเซอไรด์สายยาวในน้ำมันมะพร้าวมีอีกชื่อเรียก คือ " ไขมันดี " ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนน้ำมันชนิดนี้เป็นพลังงานแทนที่จะส่งไปสะสมตามส่วนต่างๆ และแน่นอนว่า จะช่วยทำให้น้ำหนักตัวไม่เพิ่มหรือลดลงได้ นอกจากนี้ น้ำมันมะพร้าวยังช่วยทำให้อิ่มง่ายขึ้น และเมื่อรับประทานควบคู่กับการออกกำลังกายก็ช่วยให้ลดน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก 4. กระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้ทำงานได้ปกติยิ่งขึ้น ต่อมไทรอยด์ ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนของร่างกายที่มีความสำคัญ เพราะช่วยทำให้กระบวนการเผาผลาญของร่างกายเป็นไปได้อย่างปกติ ทำให้คอเลสเตอรอลไม่ไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมากจนเกินไป ดังนั้นคุณจึงต้องหาตัวบำรุงต่อมไทรอยด์ เพื่อทำให้ร่างกายมีพลังงานสำหรับใปใช้งานได้มากยิ่งขึ้น และทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รับพลังงานอย่างเหมาะสม ซึ่งน้ำมันมะพร้าว ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่ไม่ควรมองข้าม 5.
รักษาโรคอัลไซเมอร์ น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการรักษา และป้องกันโรคอัลซัลเมอร์ได้ เนื่องจากสามารถกระตุ้นให้เกิดสารคีสโตน (Keystone) ภายในร่างกาย ทำให้ระบบการทำงานของสมองดีขึ้น ความจำดีขึ้นกว่าเดิม สมองปลอดโปร่ง สดชื่น และยังไม่ทำให้เกิดโรคอัลซัลเมอร์ในอนาคตได้อีกด้วย 6. บำรุงกระดูกให้แข็งแรง น้อยคนที่จะรู้ว่า น้ำมันมะพร้าวก็สามารถนำมาบำรุงกระดูกให้แข็งแรงได้ นั่นก็เพราะในน้ำมันมะพร้าวมีแคลเซียมสูงมาก ซึ่งจะช่วยในการเสริมสร้างกระดูก และป้องกันปัญหากระดูกเปราะบาง แตกหักง่ายได้เป็นอย่างดี 7. บำรุงครรภ์ในคนท้อง สำหรับคนท้อง การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจะช่วยบำรุง และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับลูกน้อยในครรภ์ได้เหมือนกัน ทั้งยังช่วยเพิ่มประโยชน์ และคุณค่าทางน้ำนมให้กับคุณแม่มากขึ้นอีกด้วย และเนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีแคลเซียมสูง จึงสามารถป้องกันการสูญเสียแคลเซียมในคุณแม่ท้องได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว 8. แก้ปัญหานอนไม่หลับ น้ำมันมะพร้าว มีสรรพคุณเหมือนยานอนหลับชั้นดีอีกชนิดหนึ่ง เพราะจะช่วยให้คุณนอนหลับสบาย และหลับลึกมากขึ้น แถมยังลดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ซึ่งจะทำให้คุณตื่นเช้าขึ้นมาได้อย่างสดชื่น และกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเคยอีกด้วย ใครที่มีปัญหานอนไม่ค่อยหลับ ลองหาน้ำมันมะพร้าวมารับประทานดู การนอนหลับของคุณอาจดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้ 9.
ป้องกันโรคมะเร็ง แค่รับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ เพราะน้ำมันมะพร้าวมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยยับยั้งการแพร่ของเชื้อมะเร็งในระยะแรกได้อีกด้วย ไอเดียการใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพ 1. รักษาผื่นบนผิวหนัง น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติบรรเทาอาการระคายเคืองของผิวได้ ช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และยังเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว สำหรับใครที่มีปัญหาผื่นคัน เชื้อราบนผิวหนัง หรืออาการติดเชื้อที่บริเวณแผล สามารถนำน้ำมันมะพร้าวมาทาที่บริเวณดังกล่าววันละ 2 ครั้ง จะช่วยทำให้อาการติดเชื้อหรือเชื้อราต่างๆ ลดน้อยลงได้ 2. ทำความสะอาดในช่องปาก น้ำมันมะพร้าวนั้นสามารถนำมาใช้กำจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ ผ่านการบ้วนปากด้วยน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำทุกวัน เพราะในน้ำมันมะพร้าวนั้น มีส่วนประกอบของกรดลอริก (Lauric Acid) ซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวที่มีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และลดอาการอักเสบต่างๆ ได้ ทำให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง ลดกลิ่นปาก ลดสาเหตุของการเกิดฟันผุ และลดอาการเหงือกอักเสบ 3. กำจัดเหา ผู้ที่มีเหาสามาถเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวมาแก้ปัญหานี้ได้ ด้วยการทาน้ำมันมะพร้าวลงบนหนังศีรษะอย่างเหมาะสม โดยจากกลุ่มทดลองกว่า 90% พบว่า ปัญหาเหาเบาบางลง เพราะน้ำมันมะพร้าวนั้นอุดมไปด้วยสารเคมีกำจัดเหา และโลนอย่างเพอร์เมทริน (Permethrin) มาลาไทออน (Malathyon) ไพเพอโรนิล (Piperonyl) และบิวทอกไซด์ (Butoxide) ซึ่งสามารถกำจัดได้ทั้งเหา และไข่ของเหาได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ทำให้หนังศีรษะแข็งแรงขึ้นอีกด้วย 4.
น้ำมันมะพร้าว (coconut oil) เริ่มตัวแรกกันด้วยน้ำมันมะพร้าว ที่หลายๆ คนคงคุ้นเคยกันดี น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ได้มาจาก มะพร้าว ซึ่งรูปแบบการสกัดเป็นน้ำมันนั้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ โดยการแปลงกรดไขมันในเนื้อมะพร้าวให้ได้เป็น น้ำมัน ซึ่งน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยวิตามินอี สมัยก่อนที่ยังไม่มีครีมบำรุงผิวให้เลือกมากมายอย่างทุกวันนี้ น้ำมันมะพร้าว ถือเป็นครีมบำรุงผิวที่ใช้การอย่างกว้างขวาง เพราะน้ำมันมะพร้าวมีส่วนช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื่น ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยปกป้องผิวหนังและเส้นผม 2. น้ำมันอาร์แกน (Argan oil) น้ำมันอาร์แกน หรือ อาร์แกนออยล์ เป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดจากผลอาร์แกน น้ำมันอาร์แกนถือเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ทรงคุณค่า มีพลังในการบำรุงผิวได้ทุกรูปแบบ น้ำมันอาร์แกนนั้นอุดมไปด้วยวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดไขมันจำเป็น ซึ่งมีความบางเบา ไม่เหนี่ยวเหนอะหนะ จนสามารถใช้บำรุงผิวได้ในทุกๆ วันเลยทีเดียว นอกจากนี้น้ำมันอาร์แกนยังเป็นน้ำมันที่สามารถใช้บรรเทาอาการของโรคกลากและโรคผิวหนักอักเสบโรซาเชีย (rosacea) ได้อีกด้วย นอกจากช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งแล้ว น้ำมันอาร์แกนยังมีส่วนช่วยในการควบคุมการผลิตน้ำมันอีกด้วย 3.
ในปัจจุบันผู้คนหันมารักสุขภาพกันมากและมักจะหลีกเลี่ยง "ไขมัน" น้ำมันจากธรรมชาติจึงถูกใช้ในชีวิตประจำวันของผู้คนเป็นอย่างมากในตอนนี้ เพราะเชื่อกันว่าน้ำมันที่มาจากธรรมชาตินั้นเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพและช่วยลดน้ำหนักได้ ประเภทของน้ำมัน 1. น้ำมันจากพืช น้ำมันจากธรรมชาติมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนน้ำมันที่มาจากสัตว์ น้ำมันจากพืชส่วนใหญ่จะอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าน้ำมันที่มาจากสัตว์ ไขมันไม่อิ่มตัวนี้จะไม่ค่อยเป็นไข แม้จะอยู่ในที่เย็นหรือนำไปแช่เย็นในตู้แช่แข็ง 2. น้ำมันจากสัตว์ ในน้ำมันหมูจะอุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นไขได้ง่ายเมื่ออากาศเย็นและยังมีกลิ่นเหม็นหืนได้ง่ายเมื่อทิ้งไว้ที่อุณหภูมิปกติ ไขมันจากสัตว์นอกจากจะมีไขมันอิ่มตัวแล้วยังมีคอเลสเตอรอล ชนิดของน้ำมัน 1. น้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวมากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย น้ำมันมะกอกนิยมใช้ทำอาหารมี 3 ประเภท ได้แก่ - Extra virgin olive oil (ใช้ทำน้ำสลัด หรือ ซอสต่าง ๆ ที่ไม่ต้องผ่านความร้อน) - Pure olive oil (ใช้ผัดอาหารแบบง่าย ๆ เช่น ผัดผัก ข้าวผัด ไม่เหมาะกับการใช้ทอดอาหารนาน ๆ) - Light olive oil (นำมาใช้ทอดอาหารไม่เหมาะกับการนำมาทานสด ๆ ผสมสลัด หรือ ทำเป็นซอส) 2.
ยอดมะระหวานผัดแซลมอล เมนูแรกที่เราอยากจะแนะนำนี้เป็นเมนูสำหรับคนรักสุขภาพ เริ่มด้วยการเตรียมวัตถุดิบให้เรียบร้อย ได้แก่ ยอดมะระหวาน 1 กำ แซลมอล 1 ชิ้น น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชา ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลหญ้าหวาน 1 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมไทย 1 หัว สำหรับขั้นตอนทำถือว่าแสนง่าย เพียงแค่นำกระเทียมมาทุบเตรียม หั่นแซลม่อนเป็นชิ้นพอคำ และหั่นยอดมะระหวานโดยเลือกใช้ส่วนยอดจะอร่อยที่สุด จากนั้นตั้งกระทะและใส่น้ำมันมะพร้าวลงไป ใส่กระเทียมผัดให้พอเหลือง และตามด้วยแซลม่อนผัดจนสุก ตามด้วยยอดมะระหวานและปรุงรสให้กล่มกล่อม เมื่อเสร็จปิดไฟ ตักใส่จาน และพร้อมเสิร์ฟ 2.
น้ำมันมะพร้าวเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่มีประโยชน์หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะช่วยในการบำรุงสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงหรือช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย เพียงแค่กินวันละ 1-2 ช้อน/ ต่อวันเท่านั้น น้ำมันมะพร้าวยังมีประโยชน์อีก 1 ด้าน ที่หลายๆ คนเคยได้ยินกันจนคุ้นหูคือการนำน้ำมันมะพร้าวมาหมักผมเพื่อทำให้เส้นผมเงางามและช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมบนหนังศีรษะ โดยการเอาเนื้อในลูกมะพร้าวมาสกัดแปลรูปเป็นน้ำมันมะพร้าวแล้วทำเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมต่างๆ ที่เราเห็นกันอยู่ตามท้องตลาดนั่นเองค่ะ มาดูความมหัศจรรย์ของน้ำมันมะพร้าวที่จะทำให้ใครหลายๆ คนต้องร้องว๊าวออกมาเลย เมื่อรู้ว่าสรรพคุณของมันเยอะขนาดนี้
15-0. 25 แสดงว่าน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เป็นน้ำมันที่มีคุณภาพดีชนิดหนึ่ง 2.
and Tan, PP., 2009) sponification value (S. V) ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีค่าเท่ากับ 250. 07-260. 67 mg KOH ซึ่งหมายถึง จำนวนมิลลิกรัมของโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ที่ทำปฏิกิริยาพอดีกับไขมันหรือน้ำมัน 1 กรัม S. V เป็นค่าเฉพาะที่เป็นตัวบ่งสมบัติเฉพาะของไขมันหรือน้ำมันแต่ละชนิด เนื่องจากสามารถบ่งชี้ถึงขนาดโมเลกุลหรือน้ำหนักโมเลกุลของกรดไขมันที่เป็นส่วนประกอบในโมเลกุลของไขมันหรือน้ำมัน น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีค่า S. V สูง แสดงว่า น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีกรดไขมันที่เป็นส่วนประกอบในโมเลกุลของไตรกลีเซอไรด์ที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ ค่าเปอร์ออกไซด์ ( peroxide value: P. V) ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีค่าต่ำ คือ 0. 21-0. 57 mequiv oxygen/kg ซึ่งค่า P. V หมายถึง จำนวนมิลลิลิตรของสารละลายโซเดียมไธโอซัลเฟตความเข้มข้น 0.