CTR หรือ Click-Through Rate ความหมายคือ อัตราการคลิกต่อการเห็นโฆษณา โดยข้อมูลจะแสดงในรูปแบบ% ยิ่งค่า CTR สูงหมายความว่าผลตอบลัพธ์ของโฆษณาดี โดยสูตรของ CTR คือ (Click/Impression)*100 จะได้ออกมาเป็นค่า CTR ถ้า CTR = 20% ตีเป็นความหมายง่ายๆว่า – คนเห็น(Impression) 1, 000 คน – คนคลิก(Click) 200 คน นั่นหมายความว่ายิ่ง% สูงเท่าไหร่ยิ่งดี!! เพราะว่าคนคลิกเข้าเว็บเยอะขึ้น CTR = $$$ เชื่อไหมครับ แค่เพิ่ม CTR ได้ช่วยให้ยอดขายได้แล้ว หลักคิดง่ายๆเลยคือ – ถ้า CTR เพิ่ม = Traffic เพิ่ม – ถ้า Traffic เพิ่ม = ยอดขายเพิ่ม พอเห็นแบบนี้เริ่มสนใจอยากจะเพิ่ม CTR กันแล้วใช่ไหมครับ สำหรับบทความนี้ผมจะมาขยี้แนวทางการเพิ่ม CTR กันทีละ Platform เลยครับ หลักๆคือ 1. Facebook Ads 2. Google Ads 3.
ทำงานได้ต่อเนื่อง ไม่เสียเวลา ในเมื่อไม่ต้องออกไปส่งของด้วยตนเอง ทำให้มีเวลาในการทำงานส่วนอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น พิมพ์ใบปะหน้าส่งของ, ขายของจากลูกค้าที่ทักเข้ามา หรือบางคนว่างจากการขายก็ทำกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อ อาทิ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ล้างจาน ฯลฯ 5. เช็คค่าขนส่งเปรียบเทียบได้หลายเจ้า ด้วยความที่ไม่ต้องไปถึงจุดส่งแล้วค่อยรู้ราคา หรือบางพื้นที่มีตัวเลือกจุด Drop off ก็ต้องจำใจจ่ายในราคาที่สูง ทว่าหากเรียกรถมารับแทนก็จะช่วยในเรื่องการเปรียบเทียบค่าขนส่งเพื่อประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น หลังจากเห็นข้อเปรียบเทียบแบบนี้แล้วก็ลองเลือกดูว่าวิธีขนส่งแบบไหนที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด ซึ่งถ้าเลือกใช้บริการระบบหลังบ้านกับ Fillgoods เราเป็นพาร์ทเนอร์กับขนส่งชั้นนำ 5 เจ้า สามารถเรียกรกเข้ารับสินค้าได้ถึงที่ สะดวก สบาย เช็คไทม์ไลน์ได้ทันทีเมื่อส่งกับ Fillgoods มีปัญหาเรื่องธุรกิจออนไลน์ อยากใช้ระบบจัดการร้านค้า โทรปรึกษา Fillgoods ฟรี! โทรเลย 021146800 กด 1 วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09. 00 – 18. 00 น. รู้จักฟีเจอร์ของเรา สมัครสมาชิก