1. เพื่อเพิ่มผลผลิตการเกษตร 2. เพื่อควบคุมเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์และสัตว์ 3. เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชและศัตรูสัตว์ในโครงการขนาดใหญ่ 4. สะดวกสบาย 5. สามารถปฏิบัติได้ 6. หาได้ง่าย ผลกระทบจากการใช้สารเคมีต่อการเกษตร ผลดี ประกอบด้วยความสะดวกสบาย สามารถปฏิบัติได้ หาได้ง่าย และราคา เกษตรกรจึงใช้หลักการเดียวกันในการตัดสินใจดำเนินการจัดการ ถ้ามีทางเลือกมากทำไมเกษตรกรต้องใช้สารเคมีที่กล่าวถึงในการผลิตพืช เพราะว่าเกษตรกรต้องทำให้เกิด ความสมดุลของปัจจัยต่าง ๆ ในการผลิต ผลเสีย 1. แมลงพัฒนาภูมิต้านทานสารเคมี คือ แมลงศัตรูพืชก็จะเร่งการวิวัฒนาการให้สามารถต้านทานสารเคมีการเกษตรได้เร็วขึ้นด้วย 2. การทำลายสมดุลของระบบนิเวศ คือ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศการเกษตร โดยเฉพาะแมลงที่เป็นประโยชน์ ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมศัตรูพืช หรือแมลงผสมเกษตร ก็จะได้รับผลกระทบจากสารเคมีการเกษตรด้วยเช่นกัน 3. การสะสมของสารเคมีในห่วงโซ่อาหาร คือ สารเคมีมักจะแพร่กระจายออกไปในสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีในระบบนิเวศอย่างกว้างขวาง ผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ได้รับพิษจากสารเคมี มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานหรืออยู่ใกล้ชิดกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งมีโอกาศที่จะได้รับสารเคมีการเกษตรจากการสูดดมหรือสัมผัสโดยตรง ซึ่งอาการทางสุขภาพมี 2 อาการ คือ 1.
DLTV ม. 5 การงานอาชีพ | ความหมาย, ความสำคัญของการเกษตร, ประเภทของการเกษตร, การเกษตรแบบยั่งยืน - YouTube
การเกษตรเพื่อยังชีพ มันเป็นรูปแบบของการเกษตรที่พืชเกือบทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนเกษตรกรและครอบครัวของเกษตรกรทำให้เหลือขายเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยเพื่อขายหรือแลกเปลี่ยน ส่วนใหญ่ดินแดนที่มีการเกษตรกรรมเพื่อยังชีพเกิดขึ้นหนึ่งหรือมากที่สุดสองครั้งในแต่ละปี. ในอดีตผู้คนในยุคก่อนยุคเกษตรกรรมทั่วโลกมีประสบการณ์การทำการเกษตรแบบยังชีพ ในบางกรณีคนเหล่านี้ย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเมื่อพวกเขาหมดทรัพยากรดินในแต่ละตำแหน่ง. อย่างไรก็ตามเมื่อประชากรในเมืองเติบโตขึ้นเกษตรกรก็มีความเชี่ยวชาญและการเกษตรเชิงพาณิชย์พัฒนามากขึ้นสร้างการผลิตที่มีพืชผลบางอย่างมากเกินพอที่พวกเขาแลกเปลี่ยนเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์หรือขายเพื่อเงิน. ทุกวันนี้เกษตรกรรมเพื่อการยังชีพมีการปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนาและพื้นที่ชนบท แม้จะเป็นการฝึกฝนในขอบเขตที่ จำกัด เกษตรกรมักจะจัดการกับแนวคิดพิเศษซึ่งช่วยให้พวกเขาสร้างอาหารที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของพวกเขาโดยไม่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมหรือวิธีปฏิบัติที่ซับซ้อน. ดัชนี 1 ลักษณะ 1. 1 พืชที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภคเป็นหลัก 1. 2 ทุนน้อย 1. 3 ขาดเทคโนโลยีใหม่ 2 ประเภท 2. 1 การเกษตรอพยพ 2.
ประเภทของการเกษตร แบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้ 1. การปลูกพืช มีหลายชนิด โดยลักษณะธรรมชาติของพืชแต่ล่ะชนิดก็แตกต่างกันไป ซึ่งนักวิชาการเกษตรได้แบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น วิธีการปลูก ดูแลรักษา นำไปใช้ประโยชน์ สำหรับในระดับชั้นนี้ได้จัดแบ่งลักษณะการปลูกและดูแลรักษาเป็น 3 ชนิด ได้แก่ 1. 1 พืชสวน หมายถึง พืชที่ปลูกในเนื้อที่น้อย สามารถให้ผลตอบแทนสูง ต้องการดูแลรักษามาก แบ่งย่อยได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ (1. ) ไม้ดอกไม้ประดับ ลักษณะการปลูก คือ นิยมปลูกไว้ในบ้าน และบริเวณบ้านหรือในกระถางใช้พื้นที่ไม่มาก ใช้ตกแต่งอาคารสถานที่เพื่อความสวยงาม วิธีการดูแลรักษา รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยอย่างง่ายๆ อย่างสม่ำเสมอ (2. ) พืชผัก ลักษณะการปลูก คือ ปลูกในแปลงเพราะปลูก หรือสวนผักโดยเฉพาะวิธีการดูแลรักษา นอกจากจะดูแลรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยตามปกติแล้วจะต้องกำจัดศัตรูพืช และมีการป้องกันแมลงต่างๆ อย่างดี พืชผัก เช่น หอม กระเทียม มะเขือ คะน้า แตงกวา และผักกวางตุ้ง (3. ) ไม้ผล ลักษณะการปลูก คือ ปลูกในสวนผลไม้ หรือพื้นที่ที่มีบริเวณกว้างขวาง เพราะต้นไม้จะเป็นไม้ยืนต้น อายุการให้ผลยาวนาน วิธีการดูแลรักษาพิเศษกว่าปกติ ต้องใส่ปุ๋ยบำรุงดิน ตกแต่งกิ่ง และตรวจสอบดูหนอน แมลง ศัตรูพืช ไม้ผล เช่น มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลำไย ฯลฯ 1.
เกษตรกรรมแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ กสิกรรม หมายถึง การเพาะปลูกพืช เช่น การทำนา การทำสวนผลไม้ การทำไร่ การปลูกพืชไม่ใช้ดิน เป็นต้น ปศุสัตว์ หมายถึง การประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์บนบก เช่น การทำฟาร์มปศุสัตว์ การทำฟาร์มโคนม การทำฟาร์มหมู การทำฟาร์มสัตว์ปีก การทำฟาร์มแกะ เป็นต้น การประมง หมายถึง การประกอบอาชีพการเกษตรทางน้ำ เช่น การเลี้ยงสัตว์หรือพืชน้ำ การจับสัตว์น้ำ เป็นต้น การป่าไม้ หมายถึง การประกอบอาชีพเกี่ยวกับป่า เช่น การปลูกป่าไม้เศรษฐกิจ การนำผลผลิตจากป่ามาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ เป็นต้น
๑ พืชที่ปลูกบริเวณที่ดอน เป็นพืชที่เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในสภาพพื้นที่ที่ไม่มีน้ำท่วมขัง มีความต้องการใช้น้ำของพืชในปริมาณปานกลาง ได้แก่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวฟ่าง ถั่วต่างๆ เป็นต้น ๑. ๒ พืชที่ปลูกบริเวณที่ลุ่ม เป็นพืชที่เจริญงอกงามและให้ผลผลิตได้ดี ในสภาพพื้นที่ๆ มีน้ำขัง เป็นพืชที่ต้องการใช้น้ำเพื่อสร้างความเจริญเติบโตในปริมาณมาก เช่น ข้าว แห้ว บัว กระจับ เป็นต้น ๒) จำแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ซึ่งแบ่งได้ ดังนี้ ๒. ๑ พืชใบเลี้ยงเดียว คือ พืชที่มีใบเลี้ยง ๑ ใบ ลักษณะเส้นใบขนาดตามความยาวของใบ เช่น พืชตระหญ้า ซึ่งมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และชีวิตประจำวันของมนุษย์และสัตว์ นอกจากนี้ยังมีพืชอื่นๆ เช่น พืชตระกูลปาล์ม เป็นต้น ๒. ๒ พืชใบเลี้ยงคู่ คือ พืชที่มีใบเลี้ยงเป็นคู่ ๆ ลักษณะเส้นใบเป็นร่างแห ได้แก่ พืชตระกูลถั่วต่างๆ และพืชอื่นๆ ที่มีลักษณะดังกล่าว พืชใบเลี้ยงคู่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และชีวิตประจำวันรองลงมาจากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ๓) จำแนกตามหลักการใช้ประโยชน์ ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้ ๓. ๑ ธัญญพืชหมายถึง พืชตระกูลหญ้าที่เมล็ดสามารถปลูก เจริญเติบโตได้ มนุษย์และสัตว์ใช้ทั้งต้นและเมล็ดเป็นอาหาร ธัญญาพืชที่สำคัญของโลก ได้แก่ ข้าว ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาเลย์ ข้าวโอ๊ต และข้าวโพด เป็นต้น ๓.
การประมง การทำประมงเป็นการเกษตรเกี่ยวกับการเลี้ยงและการจับสัตว์น้ำทุกชนิดของประเทศไทยซึ่งการทำประมงนี้สามารถสร้างรายได้ให้ประชาชน และประเทศเป็นจำนวนมาก การทำประมงในประเทศไทยสามารถแบ่งออกตามลักษณะของแหล่งน้ำได้ 4. การเกษตรแบบผสมผสาน การเกษตรผสมผสานเป็นการจัดระบบกิจกรรมการเกษตรได้แก่ ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ ประมง ให้มีการผสมผสานและเกื้อกูลในการผลิตซึ่งกันและกัน โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเหมาะสมให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีความสมดุลของสภาพแวดล้อม เพิ่มความสมบูรณ์ของอาหารพืชหรือสัตว์การทำเกษตรหลายๆอย่างร่วมกันทำให้เกษตรกรมีรายได้จากผลผลิตเพิ่มขึ้น ตลอดจนไม่เสี่ยงต่อสภาวะการขาดทุนจากราคาผลผลิตเพียงอย่างเดียวที่มีราคาไม่แน่นอนปัจจุบันรัฐบาลส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางในการทำการเกษตร