√ ( a n) = a n / m ตัวอย่าง: 2 √ (2 6) = 2 (6/2) = 2 3 = 8 เลขชี้กำลังเป็นลบ a -n = 1 / a n ตัวอย่าง: 2-3 = 1/2 3 = 1/8 = 0. 125 เลขชี้กำลังเป็นศูนย์ ก 0 = 1 ตัวอย่าง: 4 0 = 1 ดู: กฎเลขชี้กำลัง ดูสิ่งนี้ด้วย กฎเลขชี้กำลัง เครื่องคำนวณการเติบโตแบบเอ็กซ์โปเนนเชียล เครื่องคิดเลข Antilog เครื่องคิดเลขลอการิทึม เครื่องคำนวณสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ เครื่องคิดเลขรูท เครื่องคิดเลขรากที่สอง เครื่องคำนวณพลังงานไฟฟ้า ลอการิทึม
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สมบัติของจำนวนนับ 1. เรื่อง การหาตัวประกอบ จำนวนนับใดๆ ที่หารจำนวนนับที่กำหนดให้ได้ลงตัว เรียกว่า ตัวประกอบของจำนวนนับนั้น ดังนั้น ครูสรุปให้นักเรียนฟังอีกครั้งว่า จำนวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 18 คือ 1, 2, 3, 6, 9 และ 18 2. เรื่อง จำนวนเฉพาะ วิธีการตรวจสอบว่า จำนวนใดเป็นจำนวนเฉพาะ โดยเทียบจากการนำจำนวนเฉพาะมายกกำลังสอง ผลลัพธ์ต้องน้อยกว่าจำนวนที่กำหนดให้ ครูยกตัวอย่างให้นักเรียนดู ดังนี้ ตัวอย่างที่ 1 ตรวจสอบว่า จำนวน 211 เป็นจำนวนเฉพาะหรือไม่ ขั้นที่ 1 พิจารณา 22 = 4 32 = 9 52 = 25 72 = 49 112 = 121 132 = 169 172 = 289 ขั้นที่ 2 พิจารณาจำนวนเฉพาะ 2, 3, 5, 7, 11, 13 ว่านำมาหาร 211 ลงตัว หรือไม่ (ไม่นำ 17 มาพิจารณา เพราะ 172 = 289 มากกว่า 211) จะได้ว่า ไม่มีจำนวนเฉพาะใดหาร 211 ได้ลงตัว ดังนั้น 211 เป็นจำนวนเฉพาะ 3. เรื่อง การแยกตัวประกอบ ตัวอย่าง แยกตัวประกอบของ 150 ใช้การหาร 2) 150 3) 75 5) 25 5 ดังนั้น 150 = 2 x 3 x 5 x 5 วิธีนี้นำจำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุดที่หารลงตัวมาเป็นตัวหารก่อน แล้วจึงนำ จำนวนเฉพาะจำนวนถัดไปที่หารลงตัวมาหาร จนได้คำตอบสุดท้ายเป็น จำนวนเฉพาะ 4. เรื่อง การหา ห.
ร. ม. ตัวหารร่วมที่มากทีสุด (ห. ม. ) ตัวหารร่วมที่มากที่สุดของจำนวนใดๆ ตั้งแต่ 2 จำนวนขึ้นไป หมายถึง จำนวนที่มีค่ามากที่สุดที่สามารถหารจำนวนทั้งหมดเหล่านั้นได้ลงตัว วิธีการหา ห. ม. 1. โดยการแยกตัวประกอบ มีิวิธีการดังนี้ (1) แยกตัวประกอบของจำนวนทุกจำนวนที่ต้องการหาร ห. ม. (2) เลือกตัวประกอบที่ซ้ำกันของทุกจำนวนมาคูณกัน (3) ห. คือ ผลคูณที่ได้ ตัวอย่าง จงหา ห. ของ 56 84 และ 140 วิธีทำ 56 = 84 = 104 = เลือกตัวที่ซ้ำกัน ที่อยู่ทั้ง 56 84และ 104 ตัวทีซ้ำกันเอามาซ้ำละ 1 ตัว คือ มีเลข 2 เลข 2 และ เลข 7 ดังนั้น ห. = 2. การหารสั้น มีวิธีการดังนี้ 1) นำจำนวนทั้งหมดที่ต้องการหา ห. มาเขียนเรียงกัน 2) หาจำนวนเฉพาะที่สามารถหารจำนวนทั้งหมดได้ลงตัวมาหารไปเรื่อยๆ จนกว่าไม่สามารถหาได้ 3) นำตัวหารทุกตัวที่ใช้มาคูณกัน เป็นค่าของ ห. ม. วิธีทำ 2) 56 84 104 2) 28 42 70 7) 14 21 35 2 3 5 ห. คือ 2 x 2 x 7 = 28 ประโยชน์ของ ห. ใช้ทอนเศษส่วนให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำ 2. ใช้คำนวณการแบ่งสิ่งของที่มีจำนวนไม่เท่ากันออกเป็นส่วนๆ ที่เท่าักันโดยไม่ปะปนกันและให้เป็นจำนวนที่มากที่สุด 5. เรื่อง การหา ค. น. ตัวคูณร่วมน้อยที่สุด (ค.
#20253 17 พ. ย. 2562, 22:57:53 แจ้งลบ ข้อ 2 ตอบแล้วที่นี่ค่ะ ข้อ 1 จงหา ลำดับ ของ จำนวนเต็ม ที่มีค่าระหว่าง 100และ500 ซึ่ง 9 หารลงตัวกี่พจน์ จริงๆ มีวิธีลัด ซึ่งจะง่ายมาก แต่ทำวิธีปกติแล้วกันนะ จำนวนเต็ม ที่มีค่าระหว่าง 100 และ 500 ได้แก่ 101, 102,..., 499 อยากได้ที่ 9 หารลงตัว ลองไล่ไปค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง จะได้เป็น 108, 117, 126,..., 495 ----> นี่คือตัวเลขระหว่าง 100 และ 500 ที่ 9 หารลงตัว พบว่าเป็น ลำดับเลขคณิต มี a 1 = 108, d = 9, a n = 495 อยากหาว่ามีกี่พจน์หาได้จาก สูตร a n = a 1 + (n - 1)d แทนค่าให้นะ 495 = 108 + (n - 1)9 แก้สมการนี้จะได้ค่า n ซึ่งคือจำนวนพจน์ที่หาอยู่ค่ะ ทำต่อนะคะ
ของ 39 และ 65 คือ 13 ตัวอย่างที่ 2 จงหา ห. ของ 60, 78 และ 96 วิธีทำ - ตัวประกอบของ 60 ได้แก่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 10, 12, 15, 20, 30, 60 78 ได้แก่ 1, 2, 3, 6, 13, 26, 39, 78 96 ได้แก่ 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12, 16, 24, 32, 48, 96 - ตัวประกอบร่วมของ 60, 78 และ 96 ได้แก่ 1, 2, 3, 6 60, 78 และ 96 ได้แก่ 6 - ดังนั้น ห. ของ 60, 78 และ 96 คือ 6. 2. โดยการแยกตัวประกอบ มีวิธีการดังนี้ (1) แยกตัวประกอบของจำนวนทุกจำนวนที่ต้องการหาร ห. ม. (2) เลือกตัวประกอบที่ซ้ำกันของทุกจำนวนมาคูณกัน (3) ห. ม. คือ ผลคูณทุกตัว เลือกตัวที่ซ้ำกัน ที่อยู่ทั้ง 56 84 และ 104 ตัวทีซ้ำกันเอามาซ้ำละ 1 ตัว คือ มีเลข 2 เลข 2 และ เลข 7 3. การหารสั้น มีวิธีการดังนี้ 1) นำจำนวนทั้งหมดที่ต้องการหา ห. มาเขียนเรียงกัน 2) หาจำนวนเฉพาะที่สามารถหารจำนวนทั้งหมดได้ลงตัวมาหารไปเรื่อยๆ จนกว่าไม่สามารถหาได้ 3) นำตัวหารทุกตัวที่ใช้มาคูณกัน เป็นค่าของ ห. ม. ตัวอย่าง จงหา ห. ของ 56 84 และ 140 วิธีทำ 2) 56 84 104 2) 28 42 70 7) 14 21 35 2 3 5 ห. คือ 2 x 2 x 7 = 28 ที่มาวีดีโอ: วันอาทิตย์ ที่ 15 กันยายน 2556 ที่มาของข้อมูล: