นักเที่ยวคอทองแดงที่ดื่มแอลกอฮอลล์เป็นประจำ หรือนักกินแหลกสายโหดที่โหยหาเมนูบุฟเฟ่ต์ตลอดเวลา ถ้ากำลังกังวลกับสุขภาพที่ทรุดโทรม แล้วมองหาตัวช่วย ไม่ให้ดิ่งลงไปมากกว่านี้ วันนี้เรามี "ตัวช่วย" มาแนะนำกัน ก่อนที่จะตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อโรคตับ เราควรบำรุงดูแลตับให้แข็งแรง ไม่ต้องรอให้เสี่ยงโรคตับแข็ง หรือโรคตับอักเสบ ด้วยตัวช่วยต่อไปนี้กัน!
ถั่วเหลือง เพราะ ถั่วเหลือง มีส่วนช่วยในการ สร้างน้ำดีเพื่อกำจัด สารพิษออกจากร่างกาย หน้าที่ของ ตับ? 1. ผลิตน้ำดี ซึ่งจัดเป็นหน้าที่หลัก ของเซล์ตับ ช่วยควบคุมเมแทบอลิซึม ของสารอาหารจำพวก คาร์โบไฮเดรต การสังเคราะห์น้ำตาลกลูโคส จากกรดอะมิโน กรดแลคติค หรือ กลีเซอรอล การสลายโมเลกุลของ ไกลโคเจน เพื่อผลิตน้ำตาลกลูโคส ออกสู่กระแสเลือด การสร้างไกลโคเจน จากน้ำตาลกลูโคส 2. ควบคุมเมแทบอลิซึม ของไขมัน โดยเฉพาะการสังเคราะห์ คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ 3. ผลิตสารที่เป็น ปัจจัยการแข็งตัวของเลือด 4. แปรรูปโมเลกุลของ ฮีโมโกลบิน ที่ได้จากการทำลาย เม็ดเลือดแดง ที่หมดอายุจากม้าม เพื่อสร้างเป็น รงควัตถุน้ำดี เช่น Bilirubin และ Bilivedin 5. แปรสภาพสารพิษ และยาต่างๆ ให้อยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถ ขับถ่ายออกไปได้ กระบวนการนี้เรียกว่า เมแทบอลิซึมของยา 6. เปลี่ยนแอมโมเนีย ที่เกิดจากการสลายโปรตีน เช่น เป็นยูเรีย เพื่อนำออกทางปัสสาวะ 7. เก็บสะสมไวตามิน และแร่ธาตุ เช่น ไวตามินB12 เหล็ก และทองแดง 8. ในระยะตัวอ่อน ช่วงสามเดือนแรก ตับเป็นแหล่งสำหรับการผลิต เม็ดเลือดแดงที่สำคัญ จนกว่าจะถึงสัปดาห์ที่ 32 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งการผลิตเม็ดเลือด จะอยู่ในไขกระดูก สาเหตุตับเสื่อมสภาพ 1.
กระเทียม กระเทียมมีสรรพคุณกระตุ้นให้ตับผลิตเอนไซม์ตัวที่ช่วยขับสารพิษออกไป อีกทั้งกระเทียมยังมีอัลลิซิน (Allicin) และซีลีเนียม (Selenium) สององค์ประกอบสำคัญจากธรรมชาติที่จะช่วยดีท็อกซ์สารพิษสะสมในตับ 5. มะขามป้อม มะขามป้อมอุดมไปด้วยวิตามินซีมากกว่าแอปเปิลถึง 160 เท่า! ซึ่งวิตามินซีในมะขามป้อมจะช่วยรักษาอาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ป้องกันการเกิดพิษโลหะหนักในตับ และลดความเสี่ยงโรคมะเร็งตับได้ อ่านต่อ > 15 สัญญาณบ่งบอกว่าเป็นโรคตับ รีบเช็คด่วน!! นอกจากควรต้องกินอาหารและสมุนไพรบำรุงตับแล้ว เรายังต้องใส่ใจพฤติกรรมการบริโภคของตัวเองด้วย เช่น หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลดความเสี่ยงโรคตับแข็ง ลดอาหารประเภทไขมัน และลดกินเค็ม เพื่อไม่ให้ตับต้องเสี่ยงต่อภาวะไขมันสะสม และลดอาการบวมด้วยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยแบคทีเรียและไวรัส มหาชัย โดย ดร. ยอดยิ่ง เทพธรานนท์ Huffington Post
น้ำเปล่า 2. ไขมันดี ไขมันดีจากอาหารก็คือพวกกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ได้จากไข่ไก่ ปลา ถั่วชนิดต่าง ๆ และน้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา รวมทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันจากเมล็ดพืชต่าง ๆ ปลาไขมันสูง และกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีประโยชน์ช่วยบำรุงตับ โดยสามารถหาโอเมก้า 6 ได้จากอะโวคาโด น้ำมันพืชแทบทุกชนิด แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรกินไขมันเกินวันละ 50 กรัม เพื่อให้ร่างกายสามารถใช้พลังงานจากไขมันที่เรากินเข้าไปได้หมด ไม่เหลือค้างจนสร้างผลกระทบต่อสุขภาพได้ ไขมันดี VS ไขมันเลว อยากสุขภาพดีต้องรู้ 3. ผลไม้ 4. ผักตระกูลกะหล่ำ ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ บรอกโคลี เป็นแหล่งที่ดีของสารอาหาร ไฟเบอร์ และในกะหล่ำยังมีกลูโคซิโนเลต (Glucosinolates) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านมะเร็งที่เกิดจากสารเคมีต่าง ๆ แต่ก็ควรจะเลือกรับประทานผักที่ปลอดสารพิษเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่รับเอาสารเคมีที่ตกค้างจากการปลูกเข้าสู่ร่างกาย ประโยชน์กะหล่ำปลี ผักดีน่ารับประทาน กับคุณค่าทางโภชนาการอันยอดเยี่ยม 5. กระเทียม งานวิจัยจาก National Cancer เผยว่า คนที่ชอบกินกระเทียมมีความเสี่ยงโรคมะเร็งตับอ่อนลดลงถึง 54% เพราะกระเทียมมีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง ช่วยป้องกันเซลล์ตับอ่อนถูกทำลาย และบำรุงตับอ่อนไปในตัว อีกทั้งกระเทียมยังช่วยกระตุ้นให้ตับอ่อนสร้างอินซูลิน และลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ดังนั้นพยายามกินกระเทียมสดวันละ 2 กลีบ หรืออย่างน้อยกินกระเทียมจากอาหารในแต่ละมื้อก็ยังดี 9 ประโยชน์ของกระเทียม ที่คุณอาจคาดไม่ถึง 6.
มีอาการ ท้องอืดเรื้อรัง อ่อนเพลีย ดีขึ้น 1 เดือนหลังดูแลตัวเอง ภัยเงียบไขมันพอกตับ สังเกตุอาการ ท้องอืด ในผู้สูงวัยอาจไม่ใช่แค่โรคกะเพาะ!! เป็นโรคพุ่มพวง ร่างกายไม่แข็งแรง ท้องอืด เป็นค่าตับสูง ไขมันพอกตับ ต้องดูแลอย่างไร? ทานยาเยอะจนสะสม พบไขมันพอกตับ ปรึกษาโทร 088-624-2656.
มะเร็งตับมันร้าย หรือเราเองที่ไม่ระวังตับ?
ผลไม้บำรุงตับมีอะไรบ้าง สำหรับผู้ที่รักและใส่ใจในสุขภาพ คงทราบกันดีว่า ตับของคนเรามีความสำคัญต่อระบบการทำหน้าที่ต่างๆ ของอวัยวะในร่างกายคนเรามากเพียงใด เราจึงควรให้ความสำคัญกับการบำรุงตับมากเท่าที่จะทำได้ และหากในแต่ละมื้ออาหารที่เรารับประทาน ประกอบด้วยผลไม้ดังต่อไปนี้ ก็จะเป็นการช่วยให้ตับแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นได้อีกทางหนึ่ง: 1. มะเขือเทศ แม้ในทางปฏิบัติ คนส่วนใหญ่ทั่วโลกจะนำมะเขือเทศมาปรุงเป็นอาหารและทำสลัด จึงถือว่ามะเขือเทศเป็นพืชผักประเภทหนึ่ง แต่ในทางทฤษฎีที่ถูกต้อง มะเขือเทศเป็นอาหารที่จัดอยู่ในตระกูลผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยดับกระหาย ทำให้เจริญอาหาร บำรุงรักษา และกระตุ้นการทำงานของ ลำไส้ ตับ และไตให้ทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการช่วยขับพิษและสิ่งคั่งค้างในร่างกายของคนเราอีกด้วย 2. มะขามป้อม เป็นผลไม้รสเปรี้ยวและอุดมไปด้วยวิตามินซี (มากกว่าแอปเปิ้ลถึง 160 เท่า) ซึ่งการได้รับวิตามินชนิดนี้อย่างพอเพียงในแต่ละวัน จะช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระขั้นพื้นฐาน ด้วยการจัดหาสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเติมเพื่อชดเชยให้กับร่างกาย ช่วยรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ ป้องกันการเกิดพิษโลหะหนักในตับ และช่วยเสริมสร้างกระบวนการฟื้นตัวของตับให้เร็วยิ่งขึ้น แม้มะขามป้อมจะมีรสชาติขมและฝาด แต่ก็ถือเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายและนำมาทำเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู 3.
กระเทียม ( สมุนไพรช่วยบำรุงตับ) เนื่องจาก กระเทียม มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตเอนไซม์ตัวที่ช่วยขับสารพิษออกไป อีกทั้งกระเทียมยังมีสารอัลลิซิน และ ซีลีเนียม สององค์ประกอบนี้เป็นส่วนสำคัญจากธรรมชาติที่ช่วยดีท็อกซ์พิษตับออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ 4. มะขามป้อม ( สมุนไพรช่วยบำรุงตับ) รู้หรือไม่ว่ามะขามป้อมมี วิตามินซี มากกว่าแอปเปิลถึง 160 เท่า วึ่งวิตามินซีในมะขามป้อมจะช่วยรักษาอาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ป้องกันการเกิดพิษโลหะหนักในตับ และลดความเสี่ยงโรคมะเร็งตับได้ สำหรับผู้ที่ต้องการ ดูแลสุขภาพ บำรุงตับด้วยสมุนไพร ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ในราคาประหยัด พร้อมบริการส่งตรงถึงบ้าน เก็บเงินปลายทาง คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับผลไม้น่ารู้... คู่สุขภาพดี
อะโวคาโด นอกจากกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ที่มีอยู่ในอะโวคาโดแล้ว กลูต้าไธโอนยังเป็นไม้เด็ดของอะโวคาโดที่ตับต้องการมาบำรุงดูแลตัวเองอีกด้วย โดยอะโวคาโดจะช่วยล้างพิษสะสมในตับ และช่วยลดโอกาสเกิดโลหะหนักสะสมในตับด้วย 9. แอปเปิล แอปเปิลมีไฟเบอร์สูงช่วยดูดซับสารพิษในร่างกาย อีกทั้งมีสารเพกตินคอยจับโลหะหนักในลำไส้ ทำให้ตับไม่ทำงานหนักจนเกินไป * สมุนไพรบำรุงตับ * 1. ขมิ้นชัน ถ้าต้องการขับพิษสะสมในตับ ขมิ้นชันคือคำตอบที่ตรงประเด็น ซึ่งนอกจากจะช่วยขับพิษสะสมในตับแล้ว สรรพคุณของขมิ้นชันยังช่วยบำรุง ฟื้นฟู และล้างสารพิษออกจากตับได้ โดยสามารถเลือกกินขมิ้นชันชนิดแคปซูลบรรจุผงสกัดในเวลาก่อนนอน และเพื่อการบำรุงตับอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกินขมิ้นชันในปริมาณ 5, 000-8, 000 มิลลิกรัมต่อวัน 2. เก๋ากี้ เก๋ากี้อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน กรดกำมะถัน เอมีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินอี และวิตามินบี 2 ซึ่งมีส่วนในการเสริมภูมิต้านทานโรค เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว ลดน้ำตาลและไขมันในเลือด ป้องกันไขมันพอกตับ ช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น ทั้งนี้ สามารถกินเก๋ากี้ได้หลายรูปแบบ ทั้งต้มดื่มเป็นน้ำชา ปรุงเป็นโจ๊ก หรือนำไปเป็นส่วนผสมในเครื่องแกง ต้มจืด และเครื่องตุ๋น เป็นต้น 3.