ท่านให้เอาเกลือทะเล การบูร เถาวัลย์ยอดด้วน ทั้งสามอย่างนี้นำมาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นลำมะนาด มีสรรพคุณแก้โรคลำมะนาดปวดฟันทุกชนิด 2. ท่านให้เอาเกลือ ๒ ส่วน การบูร ๑ ส่วน สารส้ม ๑ ส่วน นำมาตำผสมกันให้ละเอียด ใช้สีฟันหลังจากแปรงฟันเวลาเช้าทุกวันโรครำมะนาดจะหายขาด 3. ท่านให้เอา หัวกระเทียม ๑ กำมือกับเกลือ ๑ กำมือ นำมาตำผสมกันให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นรำมะนาดปวดฟัน ชั่วเวลาครู่เดียว อาการปวดฟันจะหายไปทันที 4. ท่านให้เอาเปลือกต้นข่อย กับเกลือทะเล สองอย่างนี้เอาอย่างละพอประมาณนำมาใส่หม้อดินต้มน้ำสามส่วน เคี่ยวให้เหลือ ๑ ส่วน บรรจุขวดเก็บไว้ ใช้อมเวลาเช้าทุกวัน มีสรรพคุณแก้โรครำมะนาดได้เป็นอย่างดี 5. ท่านให้เอารากต้นมะพลับ กับ รากต้นกล้วยตานี ตัวยาทั้ง ๒ นี้ เอาอย่างละเท่าๆกันนำมาเผาไฟให้ไหม้ดีแล้วเอาสารส้ม นำมาผสมกับยาทั้งสองอย่าง บดให้ละเอียด ผสมกับการบูรพอสมควรใช้สำลีชุบยาปิดบริเวณที่เป็นโรครำมะนาด โรครำมะนาดจะหายไป เรียบเรียงและจัดทำโดย นางสาวมานิดา จิระเสถียรพงศ์ ม. 6/7 เลขที่ 20
เหงือกจ๋าฟันลาก่อน... เป็นวลีตลกๆ ที่หลายๆ คนคงเคยได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า "เหงือก"นั้นมีความสำคัญแค่ไหน เหงือกจ๋าฟันลาก่อน... เป็นวลีตลกๆ ที่หลายๆ คนคงเคยได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า อวัยวะในช่องปากที่เรียกว่า "เหงือก" นั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน เหงือกเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะปริทันต์ที่ทำหน้าที่ยึดฟันไว้ในกระดูกขากรรไกร และรองรับแรงในการบดเคี้ยว ปกติจะมีสีชมพู ขอบเรียบ ไม่บวม ไม่มีเลือดออก แต่ถ้าใครที่มีปัญหาเลือดออกขณะแปรงฟัน ขอให้พึงระวังว่านั่นอาจเป็นสัญญาณของ... โรคเหงือกอักเสบ ที่เป็นต้นตอหลักของการสูญเสียฟันได้เลยทีเดียว ทญ.
ปวดกร้ามมากหลังจากนั้นก็รีบอมเกลือกับน้ำอุ่นๆๆก็หาดปวดได้ระดับหนึ่ง....... กินพาราแก้ปวดร่วมด้วยทำอยู่ 3วัน พร้อมกับอมน้ำมันมะพร้าวเช้า-เย็น. ได้ผลดีที่เดียว. แต่ว่าตอนเย็นกินข้าวเหนียวไก่ทอดตอนกินก็อร่อยมากแต่ก็อ้าปากได้นิดหน่อยยิ่งกินยิ่งอร่อย...... พอตื่นขึ้นเหงือกบวมปูดขึ้นมาอีกโอ่้ยปวดกว่าเดิมอีกเลยอมน้ำอุ่นๆๆๆตอนเช้าก็ยังไม่ดีขึ้นโมโหตัวเองมากเขาให้กินอาหารอ่อนก็ไม่กิน สมน้ำหน้าตัวเองด้วยเหลือบไปเห็นถุงเกลือแบบไอโอดีนก็เลยหยิบสักนิดโรยใส่ปากบริเวณปวดขอบอกเค็มมากแต่ผลที่ได้ หายปวดแล้วหายปวมแถมอ้าปากได้มากกว่าเดิมอีกแบบเห็นผลเร็วมากขอบอกและอมน้ำอุ่นๆๆๆๆตามได้ผลดีมาก..... ปล. เกลือในครัวของเรานี้มีคุณสมบัติหลายอย่างที่เราอาจคาดไม่ถึงต้องประสบด้วยตัวเองถึงจะรู้ (เพราะตัวเองไม่ค่อยเชื่้อคำที่พ่อแม่แนะนำเท่าไรแต่พอเจอกับตัวเองมันสุดยอดของเขาจริงๆๆๆค่ะ. ) แฟนปวดเหงือกอยู่เหมือนกันค่ะ ก็เลยลองทำตามดูค่ะ แฟนเค้าบ่นว่าเค็มมากค่ะและเค้าก็ยังไม่หายปวดเลยค่ะ คิดว่าคงต้องทำบ่อยๆสินะคะ ขอบคุณคำแนะนำดีๆนะคะ ใช้ได้กับเหงือกบวมหลังถอนฟันได้มั้ยคะเหงือกบวมอยู่เลยค่ะตอนนี้ถอนฟันยังไม่ถึงเดือนกลัวไม่หายช่วยให้คำปรึกษาหน่อยค่ะ
สุดทึ่ง.. แค่สิ่งนี้ แก้เหงือกบวม รำมะนาด เหงือกมีหนอง หายในครั้งแรกที่ทำ - YouTube
โรคปริทันต์ โรคปริทันต์หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อโรครำมะนาด คือโรคที่มีการอักเสบของอวัยวะปริทันต์หรือ อวัยวะรอบๆฟันนั่นเอง โดยสามารถแบ่งได้ ตามความมากน้อยในการลุกลามของโรค เป็น 2 ระดับ คือ 1. โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) ซึ่งจะพบการอักเสบเฉพาะที่เหงือก 2.
เหงืออักเสบ จากประสบการณ์การทำงานช่วยทันตแพทย์ในการรักษาโรคเหงือก ทันตแพทย์เมื่อขูดหินปูนและผู้ป่วยมีเลือดออกมากและเหงือกอักเสบ ทันตแพทย์จะให้ผู้ป่วยอมน้ำเกลือหลังจากขูดหินปูนเสร็จแล้ว เลือดจะหยุด และให้กลับไปปฏิบัติที่บ้านต่ออมน้ำเกลือหลังแปรงฟันทุกครั้ง โดยเกลือครึ่งช้อนชาผสมกับน้ำครึ่งแก้ว และนัดผู้ป่วยกลับมาตรวจเช็คประมาณ หนึ่งสัปดาห์ ผลที่ได้ก็คือเหงือกที่อักเสบหายอักเสบแนบติดคอฟัน เพราะเกลือช่วยดูดความชื้นออกจากเหงือกช่วยให้เหงือกกับสู่สภาพปกติและบรรเทาอาการอักเสบของเหงือก หมายเลขบันทึก: 433631 เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2011 23:56 น. () แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. () สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน ความเห็น (6) ใช้แล้วได้ผลจริงๆค่ะ... ของใช้จากในครัวพื้นฐานนี่แหล่ะมีประโยชน์มากๆ เคยทราบมาเหมือนกันค่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกลือจะมีสรรพคุณช่วยได้อย่างไร ก็มารู้จากบันทึกนี้นี่เอง ขอบคุณมากๆ นะค่ะ ดีจริงๆนะตอนนี้เป็นอยู่ปวดมาก เเต่พอใช้เกลือมาทาตรงที่ปวดไม่กี่นาทีก็หายเเละไม่มีเลือดออกเวลาเเปรงฟันด้วย เเต่รู้สึกว่าจะทำให้ปากเปื่อยนิดหน่อย ไปผ่าตัดฟันคุตมากลัวมากแต่พอทำเสร็จก็ไม่เจ็บเท่าไรค่ะแต่พอหมดฤทธิ์ยาชาโอ้ย...... ปวดมากเลือดก็ไหลไม่หยุดต้องปวดน้ำลายตลอดเวลาแต่ก็กัดผ้าก็อตไว้ประมาณ2ชม.
หนองที่ขึ้นอยู่บนเหงือกมักจะเจ็บมากๆ และอาจทำให้รับประทานอาหาร ดื่มน้ำ และพูดลำบาก มันอาจเกิดจากฟันผุ คราบพลัคที่ก่อตัวหนา หรือเศษอาหารที่ติดอยู่ตามไรฟัน [1] ซึ่งหนองที่ว่านี้ก็อาจจะจู่ๆ ขึ้นมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนและมักจะหายยาก แต่ก็มีวิธีต่างๆ ที่ช่วยกำจัดรำมะนาดและรักษาเหงือกบริเวณนั้นได้เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปเป็นอีก 1 ผ่าตัดเพื่อเอาหนองออก. ถ้าคุณเป็นโรครำมะนาดเรื้อรังหรือถ้ารำมะนาดทำให้เหงือกไม่น่าดู คุณอาจจะผ่าตัดออกไปเลย ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการที่จะไม่กลับไปเป็นอีกครั้ง คุณต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเหงือก เช่น ปริทันตทันตแพทย์ เกี่ยวกับทางเลือกนี้เพื่อดูว่าเขาจะแนะนำอะไร [2] ทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเหงือกอาจจะแค่แนะนำให้คุณระบายหนองออกแทนที่จะผ่าตัด ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหนองและความซับซ้อนในการเอาออก [3] ในกรณีนี้เขาจะจ่ายยาปฏิชีวนะให้คุณรับประทานอย่างน้อย 5 วันหลังจากระบายหนองออกแล้ว 2 พิจารณาปริทันต์บำบัด. หลายครั้งที่รำมะนาดเกิดจากโรคเหงือกหรือโรคปริทันต์อื่นๆ ที่ทำให้เกิดฝีปริทันต์ ถ้ากรณีนี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณอาจจะต้องให้ทันตแพทย์ทำความสะอาดช่องปากอย่างหมดจดเพื่อกำจัดแบคทีเรียในช่องปากที่อาจทำให้เกิดรำมะนาดได้ [4] ถ้าวิธีนี้ช่วยได้ อย่าลืมไปพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อทำความสะอาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดระดับแบคทีเรียในช่องปากและช่วยรักษาสุขภาพช่องปากโดยรวมด้วย คุณอาจจะเข้ารับการผ่าตัดเหงือกถ้าปริทันตทันตแพทย์ประเมินแล้วว่า มันเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อหรือรำมะนาดในอนาคต 3 พิจารณาการรักษาคลองรากฟัน.
เหงือกอักเสบ เหงือกอักเสบ (รำมะนาด หรือ โรคปริทนต์) พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เกิดจาก การรักษาความสะอาดในช่องปากไม่ดี เกิดการสะสมของแผ่นคราบฟันและหินปูน ซึ่งทำให้มีเชื้อแบคทีเรียจำนวนมาก ก่อให้เกิดการอักเสบ บวม และอาจมีหนอง อาการ ขอบเหงือกส่วนที่ติดกับฟันจะมีอาการบวมแดง มีเลือดออกง่ายเวลาแปรงฟัน ต่อมาเหงือกจะร่น และเมื่อเป็นรุนแรงจะมีไข้ ปวดเหงือก เลือดออกที่เหงือก มีกลิ่นปาก การรักษาเบื้องต้น 1. ถ้ามีไข้ให้ ยาพาราเซตามอล ชนิดน้ำสำหรับเด็กเล็ก ชนิดเม็ดสำหรับเด็กโต 2. ถ้าปวดมากให้ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน 3. ส่งต่อสถานพยาบาลที่มีทันตแพทย์ การป้องกัน 1. รักษาความสะอาดช่องปากและฟันไม่ให้มีการสะสมของแผ่นคราบจุลินทรีย์ ด้วยการแปรงฟันวันละ 3 ครั้ง คือ เช้า หลังอาหารกลางวัน และ ก่อนนอน ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง บ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร 2. พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6-12 เดือน เอกสารอ้างอิง 1. มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา. คู่มือตู้ยาโรงเรียนและแนวทางการรักษาโรคที่พบบ่อย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา; พ.