การตกแต่งภายในรูปแบบท้องถิ่น ในส่วนการตกแต่งภายในตามรูปแบบของท้องถิ่นหรือลักษณะของท้องถิ่น ก็คือการตกแต่ง โดยคงเอกลักษณ์ความเป็นวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร หรือสถานที่ ต่างๆ มีการนำเอารูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละท้องถิ่นเข้ามาร่วมด้วยในการตกแต่ง เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว 4.
เมื่อเราพูดถึงการออกแบบวงจรรวมใหม่บนชิป ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เรากำลังพูดถึง a.
งานสวม เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ใน การออกแบบเครื่องจักร ทางวิศวกรรม เช่น การประกอบ เพลา เข้ากับ ตัวยึดเพลา การประกอบเพลาเข้ากับตลับลูกปืน เป็นต้น แล้วในระบบงานสวมมีด้วยกันกี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทเหมาะสมกับงานแบบไหน และต้องกำหนดค่า tolerance อย่างไร เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันครับ ตัวอย่างการประกอบ ตลับลูกปืนกับเพลา งานสวม มีกี่ประเภท งานสวม ในทางวิศวกรรมกรรม แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้ 1. สวมเผื่อ(clearance fit) การประกอบชิ้นงานแบบ สวมเผื่อ (clearance fit) สังเกตเห็นได้ว่าการประกอบแบบนี้ รูจะมีขนาดใหญ่กว่าเพลาเสมอ มักพบเห็นได้ทั่วไปในงานออกแบบ ตัวอย่าง เช่น การสวมแบบ loose fit เป็นการสวมที่ไม่ต้องการความแม่นยำในการเคลื่อนที่มากนัก สามารถที่จะถอดเข้าออกเพื่อทำการเปลี่ยนหรือซ่อมบำรุงชิ้นส่วนได้ง่าย ตัวอย่างเช่น การประกอบเพลา เข้ากับ pulley การสวมแบบ running fit เป็นการสวมที่ต้องการให้ระยะห่างระหว่างขนาดของเพลาและรูเพลาสามารถเก็บฟิล์มน้ำมันหล่อลื่นได้ ตัวอย่างเช่น การประกอบเพลากับตลับลูกปืน ที่มักจะมีฟิล์มน้ำมันเป็นตัวหล่อลื่นระหว่างอุปกรณ์ทั้งสองชนิด 2. สวมพอดีหรือสวมคลอน(transition fit) การประกอบชิ้นงานแบบ สวมพอดีหรือสวมคลอน (transition fit) จะเห็นได้ว่าเพลาอาจมีขนาดเล็กกว่าหรือใหญ่กว่ารูของเพลาก็ได้ ในการประกอบรูปแบนนี้ จำเป็นต้องใช้แรงจากภายนอกเข้ามาช่วยเล็กน้อย เช่น แรงจากการใช้มือกด แรงจากการใช้ค้อนยางตอกเบา ๆ เป็นต้น โดยมีตัวอย่างการประกอบดังนี้ การสวมแบบ Push fit เป็นการประกอบที่ใช้มือกด โดยใช้แรงกดเพียงเล็กน้อย เช่น การประกอบ locating pin การสวมแบบ wringing fit เป็นการประกอบที่ใช้แรงมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับ push fit ตัวอย่างเช่น การประกอบ Key ในช่อง Keyhole ของเพลา 3.
ตัวอย่างการคำนวณ งานสวมเผื่อ (clearance fit) กำหนดให้ รูเพลา มีขนาด 29. 0 ± 0. 5 mm. และ เพลา มีขนาด 27. 75 ± 0. 5 คำนวนในกรณีที่สวมแบบ maximum clearance งานสวมเผื่อแบบ maximum clearance ขนาดของรูเพลา ใหญ่ที่สุด คือ 29. 0 + 0. 5 = 29. 5 mm. ขนาดของเพลา เล็กที่สุด คือ 27. 75-0. 5 = 27. 25 mm. ดังนั้น allowance ที่เหลือ คือ 29. 5-27. 25 = 2. 25 mm. คำนวนในกรณีที่สวมได้แบบ minimum clearance งานสวมเผื่อแบบ minimum clearance ขนาดของรูเพลา เล็กที่สุด คือ 29. 0 – 0. 5 = 28. 5 mm. ขนาดของเพลา ใหญ่ที่สุด คือ 27. 75+0. 25 mm. ดังนั้น allowance ที่เหลือ คือ 28. 5-28. 25 = 0. 25 mm. จะสังเกตเห็นว่าค่า clearance ที่ได้เป็น + เสมอ และการสวมแบบ maximum clearance จะมีช่องว่างระหว่างเพลากับรูเพลา มีมากกว่า minimum clearance 2. ตัวอย่างการคำนวณ งานสวมพอดีหรือสวมคลอน (transition fit) กำหนดให้ รูเพลา มีขนาด 20. และ เพลา มีขนาด 20. 25 mm. สวมพอดีหรือสวมคลอนแบบ maximum clearance ขนาดของรูเพลา ใหญ่ที่สุด คือ 20. 5 = 20. 5 mm. ขนาดของเพลา เล็กที่สุด คือ 20. 0-0. 25 = 19. 75 mm. ดังนั้น allowance ที่เหลือ คือ 20.
ใช้วัสดุน้อย Eco Design ควรมีการใช้วัสดุน้อยประเภทเพื่อการจัดการรีไซเคิลที่ง่าย สะดวก รวมถึงลดพลังงานในการผลิต 2. รีไซเคิลง่าย การออกแบบควรมีการคิดถึงกระบวนการรีไซเคิล ตลอดจนการกำจัดรูปแบบอื่นหากไม่สามารถรีไซเคิลได้ เพื่อสร้าง Ecosystem หรือวัฏจักรของ Eco Design ได้อย่างสมบูรณ์ 3. สามารถใช้งานได้คุ้มค่า Eco Design ที่ดีไม่ใช่อุปกรณ์ที่ใช้งานประเดี๋ยวประด๋าว ใช้แล้วทิ้ง ไม่นานก็พัง แต่เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา หลังจากใช้เสร็จก็สามารถนำไปรียูสเพื่อใช้ใหม่ได้ 4. มีการใช้งานวัสดุที่ดีกับโลก Eco Design ควรใช้วัสดุประเภท วัสดุชีวภาพ (biomaterials) หรือวัสดุอื่นๆ ที่สามารถหาได้ง่าย ไม่เป็นพิษกับโลก และมีวิธีการจัดการที่ง่ายในครัวเรือน 5. กระบวนการผลิตไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ในกระบวนการผลิตสินค้าที่มีการออกแบบเพื่อโลก ต้องไม่ใช้พลังงานสูงมากเกินไปหรือใช้สารเคมีให้ก่อเกิดผลพิษ มิเช่นนั้นการใช้ Eco Design ก็ไร้ความหมาย ข้อดีของการใช้งาน Eco Design 1. ลดผลเสียที่เกิดกับสิ่งแวดล้อม การใช้งานวัสดุที่ดีกับโลก คำนึงถึงกระบวนการผลิตและการจัดการ จะส่งผลในแง่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีการปล่อยมลพิษ ใช้วัสดุน้อยชนิด ทำให้ไม่ต้องทำลายธรรมชาติมาก 2.
ลดการใช้พลังงานในการผลิต เมื่อมี Eco Design ดี การใช้พลังงานในการผลิตทั้งหมดย่อมลดลงอย่างไม่ต้องสงสัย ช่วยลดทรัพยากรพลังงานในภาพรวม และทำให้มีพลังงานเหลือใช้มากขึ้น 3. เกิดผลงานที่มีคุณภาพมากขึ้น เมื่อมีการคิดและออกแบบอย่างครบวงจร ย่อมก่อให้เกิดการแข่งขัน มีผลงานคุณภาพ สวยงาม ตามกระแสความนิยม 4. สร้างอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน Eco Design คือความยั่งยืน และการออกแบบที่ดีย่อมทำให้เกิดการดีไซน์ที่ดีต่อกันเรื่อยๆ กลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานต่ำ ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้รักสิ่งแวดล้อม และส่งผลดีในระยะยาว 5.
สำหรับงานออกแบบ ตกแต่งภายใน หรือที่หลายๆ คนมักจะเรียกกันว่าการออกแบบ interior เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ซึ่งไม่ได้สำคัญเฉพาะการออกแบบตกแต่งภายใน สำหรับสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจองค์กร และเกี่ยวข้องกับการจัดวาง รวมถึงการตกแต่งสถานที่ เพื่อจัดวางหรือแสดงสินค้าให้ดูโดดเด่นมีความน่าสนใจมากขึ้นด้วย วันนี้เราก็มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งภายในมาฝาก ไปดูกันว่าการตกแต่งภายใน มีกี่รูปแบบ และมีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง รูปแบบการตกแต่งภายใน โดยหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. การตกแต่งภายในรูปแบบสมัยใหม่ การตกแต่งภายในรูปแบบสมัยใหม่เป็นงานออกแบบ interior ที่เน้นลวดลาย ออกแบบให้มีความเป็นเอกลักษณ์และใช้วัสดุที่มีความหรูหรา งดงาม ทันสมัยเข้ามาตกแต่ง 2. การตกแต่งภายในรูปแบบดั้งเดิม สำหรับการตกแต่งภายในรูปแบบดั้งเดิม แนวการตกแต่งบ้าน อาคาร หรือสถานที่จะให้ความรู้สึกหรือให้อารมณ์เหมือนย้อนกลับไปในยุคเก่าๆ เป็นการตกแต่งที่จำลองรูปแบบของการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในอดีตเข้ามาร่วมด้วย ในการตกแต่งภายใน สิ่งของเครื่องใช้จะต้องบ่งบอกถึงความโบราณ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียง เคาน์เตอร์ แจกัน โคมไฟ ฯลฯ 3.
บทความของเราในวันนี้จะมาลงเรื่องพื้นฐานกันอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งก็คือเรื่องของ "Font" โดยเราจะมาเรียนกันเกี่ยวกับ ประเภทของฟอนต์ (Font) และแถมอีกนิดในเรื่องลักษณะของฟอนต์ บทความนี้ใช้เวลาในการอ่านไม่นาน เหมาะกับมือใหม่เป็นอย่างมาก รู้กันหรือไม่?
คำศัพท์ที่น่าสนใจ No. คำศัพท์ คันจิ ฮิรางานะ คำอ่าน ความหมาย 1 สวมเผื่อ (clearance fit) – すきまばめ Su ki ma ba me การประกอบชิ้นงานที่ รูเพลาจะมีขนาดใหญ่กว่าเพลาเสมอ 2 สวมพอดี (transition fit) 中間ばめ ちゅうかんばめ Chū kan ba me การประกอบชิ้นงานที่ รูเพลาจะมีใกล้เคียงกับเพลา 3 สวมอัด (interference fit) – しまりばめ Shi ma ri ba me การประกอบชิ้นงานที่ รูเพลาจะมีขนาดเล็กกว่าเพลา